เขามาจากพรของผม - เขามาจากพรของผม นิยาย เขามาจากพรของผม : Dek-D.com - Writer

    เขามาจากพรของผม

    ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี ผมได้มีโอกาสไปขอพรที่ศาลเจ้าชื่อดัง แล้วไม่กี่วันเขาก็มาปรากฏตัวต่อหน้าผม...ใบไม้ร่วงปีนี้ผมจะมีความสุขใช่มั้ยครับ |Taegi

    ผู้เข้าชมรวม

    248

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    248

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 มิ.ย. 63 / 12:40 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    'ฤดูใบไม้ผลิตที่ผมต้องอยู่ตัวคนเดียวทุกที'



    'ทำไมน่ะหรอครับ'



    'ก็เพราะโรงเรียนผมดันปิดเทอมไม่เหมือนชาวบ้านเขายังไงล่ะครับ'




    'แถมต้องมาอยู่ช่วยทำสวนคุณป้าทุกปีเลย'




    'ผมไม่เกียงเรื่องทำสวนนะครับ มันก็สนุกดี'




    'แต่มันก็ต้องมีเหงาบ้างแหละ'




    'คงต้องพึ่งพรของเทพที่ศาลเจ้าชื่อดังของที่นี่แล้วล่ะ'


    นาโอกิ 直樹








    โคเฮย์ 航平















    #เขามาจากพรของผม

    @sunseedxsunflow



    COMING SOON!!

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      **ฟิคเรื่องนี้เป็นแบบตอนเดียวจบนะคะ**

      **ความยาวของฟิคเทียบเท่าประมาณดูอะนิเมะเดอะมูฟวี่**

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ท่ามกลางบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิ เสียงรถไฟขบวนหลักกำลังเดินทางเข้าสู่เขตชนบท

      กลุ่มผมสีน้ำตาลแนบอิงไปกับขอบหน้าต่างของที่นั่ง เสียงเพลงที่เปิดคลอผ่านหูฟังก็กำลังเล่นไปเรื่อยๆตามเพลย์ลิสต์ และอีกไม่นานรถไฟคันนี้ก็จะถึงจุดมุ่งหมายของมัน

       

      ทันทีที่รถไฟจอดเทียบศาลา เสียงประกาศให้ระวังในการลงรถไฟแก่ผู้โดยสารก็ดังขึ้น สองเท้าก้าวลงอย่างระมัดระวัง ซึมซับบรรยากาศของชนบทอย่างเต็มปอด 

      เวลาและสถานที่ที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง

       

      ตามไหล่ทางที่เต็มไปด้วยหญ้าและ กรวด หิน ดิน ทราย นี่แหละคือชนบทที่เขาได้สัมผัสทุกฤดูใบไม้ร่วง

      เส้นทางเดินของเขาต้องเดินผ่านร้านขายของประจำของคนในหมู่บ้าน ระแวกนั้นมักจะมีเสียงเด็กๆที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่เสมอ

      ถึงเขาจะมาที่นี่ทุกๆปีแค่ไหนก็ไม่ค่อยจะมีใครรู้จักเขาเท่าไหร่หรอกนะ เพราะส่วนใหญ่แล้วเขาก็อยู่ในสวนกับป้าไม่ก็หมกตัวอยู่ในบ้าน

       

       

      ทันทีที่เขาถึงหน้าบ้าน ก็มีเสียงหญิงสูงอายุคนนึงตะโกนออกมาพร้อมปรากฏตัวบริเวณหน้าบ้านเพื่อต้อนรับเขา

      "นาโอกิ!! ทำไมมาช้านักล่ะ ห้ะ!"

      "เสียเวลาดูแลผักผลไม้ของฉันหมดแล้ว รีบๆเข้ามาสิ"

      ทันทีที่พูดจบ หญิงวัยกลางคนก็ไม่รอช้า เดินหายเข้าไปพร้อมกับเสียงบ่นพึมพำๆ

       

      นาโอกิถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าบ้านไปเก็บสัมภาระที่ห้องของเขา ก่อนจะเปลี่ยนชุดแล้วเดินเข้าไปหาคุณป้าในสวน

      หน้าที่ของเขาภายในไร่นี้ก็คงไม่พ้นขนปุ๋ยกับรดน้ำ บางครั้งก็อาจจะมีอย่างอื่นให้ช่วยตามสถานการณ์น่ะนะ

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดสี่เสื่อครึ่ง ร่างสูงนอนคุยแชทกับเพื่อนๆของเขาตามปกติ ก่อนจะมีเพื่อนคนนึงในกลุ่มเสนอให้นาโอกิลองไปขอพรที่ศาลชื่อดังของหมู่บ้านเขาตามบล็อกรีวิวในแอพยอดฮิตบล็อกหนึ่ง

      ในคราแรกนาโอกิเองก็บอกกับเพื่อนไปว่าเขาไปเชื่อในเรื่องแบบนี้หรอก ถึงเชื่อก็ไม่รู้จะขอเรื่องอะไร

      แต่เพื่อนของเขาก็ยังคงตื้อให้เขาไปลองดู

       

       

      จนในรุ่งเช้าก็เหมือนมีอะไรสักอย่างดลใจให้เขาไปลองดูศาลเจ้าที่ว่านั่น 

      ก่อนจะนึกวิธีการที่ตัวเองอ่านมาและลองขอพรออกไปแบบไม่คิดอะไรมาก

      เสียงระฆังดังขึ้นตามขั้นตอน ก่อนที่เขาจะเอ่ยขอพรออกไป 

      "ขอให้ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ผมมีความสุขด้วยครับ"

       

      ทันทีที่จบคำขอก็มีสายลมเย็นของช่วงฤดูพัดผ่านตัวเขาไป ใบไม้สีส้มค่อยๆปลิวไปตามกระแสลม

      "เริ่มหนาวแล้วหรอเนี่ย" นาโอกิบ่นพึมพำกับตัวเองพลางเดินกลับบ้าน

       

      ระหว่างทางลงจากเขาที่เป็นที่ตั้งของศาลเจ้า เขาก็ได้เดินสวนกับชายคนนึง ดูเป็นหนุ่มใหญ่ แต่รูปร่างเป็นคนตัวเล็ก ผิวขาว เดินผ่านไปอย่างไว เขาดูรีบร้อนแต่นาโอกิก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาเดินทางกลับไปช่วยงานที่สวนของป้าตามปกติ

       

       

       

       

       

       

       

       

      "นาโอกิ ตื่นได้แล้ว จะนอนไปถึงไหน วันนี้มีอะไรให้ทำเยอะแยะจะตาย ลุกเร็ว"

      "อืม ป้าครับ ปลุกผมทำไ-" ยังไม่ทันจบประโยคเขาก็เอะใจกับโทนของคนที่มาปลุกเขา มันไม่ใช่โทนเสียงผู้หญิงแต่อย่างใด

      นาโอกิลืมตาเต็มตื่น ปรากฏภาพชายคนที่เข้ามาปลุกเขาก็คือคนที่เดินสวนกันตรงที่ทางเดินศาลเจ้าเมื่อวาน

       

      คนหน้าหวานเห็นสีหน้าของอีกคนที่ตกใจไม่น้อยก็เผลอหลุดออกขำมาก่อนที่เอ่ยแนะนำตัวออกไป

      "อย่าตกใจไป ฉันโคเฮย์ เป็นเอ่อ...สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์น่ะนะ" อีกคนพยายามอธิบายอย่างใจเย็น

      "นายต้องการอะไร"

      "ฮ่าๆ ต้องการอะไรงั้นหรอ ฉันมาทำให้พรนายเป็นจริงต่างหากล่ะ"

      "...เอาจริงดิ"

      "จริงสิเห้ย ไปลุกได้แล้ว วันนี้ไม่มีงานใช่มั้ยล่ะ งั้นไปที่สวยๆกัน"

       

      หลังจากที่คนตัวขาวพยายามปลุกอีกคนให้ลุกจากเตียงอยู่นานแสนนานในที่สุดก็ได้เวลาลงมาหาอะไรกินสักที

       

      ภายในครัวเล็กๆนาโอกิกำลังทำอาหารมื้อเช้าอย่าขมักเขม้น ข้างกายของเขามีคนตัวขาวยืนอิงเคาท์เตอร์ครัวอยู่ข้างๆคอยมองและพูดคุยอยู่เสมอ

       

      ไม่นานก็มีเสียงคนเดินมาเข้ามาใกล้ครัว ผู้มาเยือนคนใหม่คือป้าของเขาเอง หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงบ่นอุบอิบ

      "ยืนคุยกับใครน่ะ" คุณป้าถามขึ้น "เป็นเรื่องเป็นราวเชียว"

      "เอ่อ...คุยกับเพื่อนน่ะครับ"

      "อ่อ นึกว่าเป็นผีบ้าคุยคนเดียวซะแล้ว ละวันนี้จะออกไปไหนมั้ย"

      "ผมว่าจะออกไปเดินเล่นน่ะครับ"

      "เอ๊อ ดีๆ ออกไปข้างนอกบ้าง" หญิงสูงวัยตบไหล่แปะๆก่อนจะเดินออกห้องครัวไปพร้อมกับตะกร้าใบนึง

       

      ทันทีที่คุณป้าลับสายตาไปนาโอกิก็รีบหันไปหาอีกคน สายตาที่มีแต่คำถามเรื่องเมื่อสักครู่ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มของอีกคนที่ยิ้มพลางยักไหล่ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ

      "ไม่เคยอ่านนิยายที่เจออะไรแบบนี้รึไง มันมักจะมีคนเดียวที่เห็นน่ะนะ"

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ตามท้องถนนของตัวเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้ามากมาย

      นาโอกิเดินเล่นไปเรื่อยๆกับโคเฮย์ แวะร้านนั้นบ้างร้านนี้บ้างจนค่ำ

      ทั้งสองเลยตัดสินใจแวะนั่งริมธาร บทสนทนาผุดขึ้นต่อกันเรื่อยๆ ต่างคนต่างเล่าเรื่องของตัวเองให้แก่กันฟัง จนรอยยิ้มกว้าเผยขึ้นเต็มบนใบหน้าของนาโอกิ

       

      ทั้งคู่มัวแต่นั่งคุยกันจนค่ำ รู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้าไปแล้ว รอบตัวที่ถูกล้อมไปด้วยใบไม้ที่เปลี่ยนสีและแสงสีส้มของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมากับสายลมอ่อนๆพัดผ่านทั้งสองไป

      ไม่นานนักทั้งสองก็ตัดสินใจเดินโต้สายลมกลับไปที่บ้านของคุณป้า แต่ระหว่างทางก็ยังคงมีเสียงหัวเราะและบทสนทนาเกิดเรื่อยๆ

       

       

       

      ช่วงเวลาในชนบทก็ค่อยๆผ่านไปทีละวันๆ โคเฮย์ได้พานาโอกิไปเที่ยวเกือบทุกที่ของชุมชน สถานที่สวยๆที่ไม่ค่อยมีใครจะรู้จักสักเท่าไหร่บ้าง บางวันขึ้นเขาบางวันก็เล่นริมธาร

      และวันใกล้เปิดเทอมก็เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

      "โคเฮย์"

      "ว่าไง"

      "อีกไม่กี่วันฉันก็ต้องกลับไปเรียนแล้วล่ะ"

      "อ่า..."

      "จะไม่ได้เจอนายแล้วสิ"

      อีกฝ่ายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ชันเข่าขึ้นก่อนจะวาดแขนสองข้างมากอดเอาไว้ บรรยากาศรอบตัวตอนนี้มีเสียงสายลมที่พัดกับความเงียบสงบของหมู่บ้าน

       

      จู่ก็มีเสียงหัวเราะจากคนตัวเล็กขัดกับบรรยากาศทั้งหมด ดึงดูดความสนใจของนาโอกิอย่างมาก

      "หัวเราะอะไร"

      "ได้เจอสิ มันยังไม่หมดฤดูนี้สักหน่อย"

      "ห้ะ"

      กับท่าทางตกใจของร่างสูงทำให้โคเฮย์หัวเราะจนเทียบจะหายใจไม่ทัน ก่อนที่จะบอกให้อีกคนนึกถึงคำขอให้ดีๆ

       

       

      บรรยากาศตอนกลางคืนที่ค่อยๆเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆตามช่วงฤดู เครื่องทำความร้อนในห้องได้ถูกนำมาทำความสะอาดอีกครั้งก่อนเริ่มใช้งาน

      ทั้งคู่นั่งเล่นเกมกระดานอย่างมุ่งมั่น ไม่มีการอ่อนข้อให้กันใดๆ ความจริงจังที่ก่อตัวขึ้นเพื่อจะเอาชนะอีกฝ่ายปกคลุมทั้งคู่เอาไว้

      แต่ไม่นานจากนั้นนาโอกิก็เริ่มรู้สึกว่าหนังตาของเขานั้นเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ คนตัวเล็กเห็นดังนั้นจึงทักชวนขึ้นว่าให้เก็บเกมกระดานและปูที่นอนกัน

       

       

       

       

      แสงอาทิตย์ของวันได้เริ่มต้นอีกครั้ง วันนี้ได้เวลานาโอกิต้องกลับบ้านของเขาในเมืองแล้ว กระเป๋าเป้ใบโปรดถูกเปิดออก เสื้อผ้ามากมายถูกพับอย่างเป็นระเบียบก่อนจะโดนจัดลง

      คนตัวเล็กนั่งมองอีกฝ่ายที่กำลังเครียดกับการจัดกระเป๋า ทั้งที่ตอนมามันใส่ของทั้งหมดได้ครบ แต่ตอนนี้เหมือนพื้นที่ภายในกระเป๋าจะน้อยลง

       

       

      หลังจากเสียเวลาจัดกระเป๋าอยู่นาน ทั้งสองก็ต้องรีบวิ่งไปที่สถานีก่อนที่จะพลาดขบวนรถไฟ

       

      เสียงตะโกนล่ำลาของนาโอกิดังทั่วทั้งบ้าน ก่อนที่จะได้ยินเสียงของคุณป้าบอกลากลับมาเบาๆ ทั้งสองก็รีบวิ่งไปที่สถานี

      ไม่นานนักรถไฟขบวนที่วิ่งเข้าเมืองก็ออกเดินทางอีกครั้ง เสียงเครื่องจักรดังกึ่งก้องไปทั่วห้องโดยสาร

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      หลายชั่วโมงต่อมารถไฟได้เคลื่อนที่เข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากขึ้น ฝ่ามือเล็กแตะลงบนไหล่ของร่างสูงเบาๆเป็นเชิงปลุก

      ดวงตาที่น้ำตาลสวยค่อยๆลืมขึ้นอีกครั้ง ท่าทางงัวเงียของอีกฝ่ายทำให้คนตัวขาวรู้สึกเอ็นดูจนเผลอตัวเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลนั้นอย่างแผ่วเบา

      สายตาทั้งคู่ประสานกันก่อนที่อีกฝ่ายจะดึงมือกลับ คนตัวเล็กในตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก บรรยากาศน่าอึดอัดใจถูกปกคลุมไปรอบๆไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นระหว่างนั้น

       

       

       

       

      กิจวัตรประจำวันของนาโอกิก็ได้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ก็คงมีแปลกไปอีกนิดก็คงที่มีคนตัวขาวนี่แหละ

       

      หลายสัปดาห์ต่อมาเพื่อนๆของนาโอกิได้นัดกันออกไปเที่ยวเล่นภายในตัวเมือง ในช่วงนี้อากาศค่อยข้างที่จะเย็นลงมาก

      สถานที่ที่เป็นเป้าหมายของนัดครั้งนี้ ทั้งสองก้าวเท้าเข้ามาก่อนที่จะเห็นกลุ่มเพื่อนของตัวเองที่ทยอยกันมากันหน่อยแล้ว

      ทันทีที่ไปถึงโต๊ะ เพื่อนก็เอ่ยแซวร่างสูงทันที

      "เห้ย ว่าไงวะะ แหน๊ ไปบ้านป้ากลับมาพกสาวมาด้วยหรอวะ"

      นาโอกิงงกับคำถามของเพื่อนสักพักใหญ่ก่อนที่จะหันไปมองคนด้านข้างตามสัญชาตญาณ ในตอนนี้คนตัวขาวนั้นสวมชุดกระโปรงสุดจะน่ารักจนทำอีกคนเสียอาการเลยทีเดียว

      "เอ่อ..."

      "หนูเป็นญาติพี่นาโอกิน่ะค่ะ" คนตัวขาวที่ในตอนนี้แกล้งทำตัวเป็นเด็กน้อยน่ารักพูดขึ้นก่อนจะแนะนำตัวต่อ

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      "ไหนๆก็มาห้างแล้ว แวะตู้ถ่ายรูปกัน" หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของนาโอกิเอ่ยขึ้น

      "เอาดิ อยากถ่ายกับโคจัง~"

      "ดูสายตาพี่ชายน้องด้วย มองซะแหมมมมม"

      "อะไร ก็มองปกติมั้ยล่ะ"

      บทสทนาใหม่ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง เสียงของเหล่าเด็กหนุ่มดังเจื้อยแจ่ว แต่แปลกที่โคเฮย์ไม่สามารถละสายตาออกจากร่างสูงได้เลย

       

       

      ไม่นานนักก็เจอตู้ถ่ายรูปที่เป็นเป้าหมายสักที มันก็คงเป็นภาพที่ดูแปลกตาของเหล่าผู้คนที่เด็กหนุ่มกลุ่มนึงพากันแย่งเข้าตู้ถ่ายรูป

      เสียเวลาจัดระเบียบคนในตู้อยู่สักพักใหญ่กว่าจะได้รูปออกมา กระดาษโฟโต้ที่พิมพ์รูปของทุกคนไว้นั้นถูกแจกจ่ายให้กับแต่ละคน ก่อนที่จะเอ่ยคำล่ำลาแล้วแยกกันกลับบ้าน

       

      "นี่ นาโอกิ"

      "ว่าไงลุง"

      "ลุงบ้านแกสิแต่งตัวแบบนี้น่ะนะ!!"

      "แล้วใครให้แต่งแบบนี้เล่า"

      "ทำไม ไม่น่ารักรึไง"

      "...แล้วเรียกมีอะไร"

      "อ่อ จะถามเรื่องพรน่ะ"

      "นายก็ดูมีความสุขดีนะ แต่ก็ยังขอพรให้ตัวเองมีความสุขอีก ทำไมหรอ"

      "...อ่า ไม่ใช่หรอก" นาโอกิพูดพลางส่ายหน้าเบาๆ เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ทำให้เขานั้นเล่าเรื่องของเขาออกมา คนตัวขาวพยักหน้าเป็นการตอบรับเรื่องของอีกคน

      "ก็ตามนั้นแหละ ฉันก็แค่อยากลองขอพรดู ไม่ได้คิดว่าจะเป็นจริงด้วยซ้ำ"

       

      เวลาผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงก็เริ่มที่จะหมดลงเรื่อยๆ แต่ทั้งคู่ก็ยังใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ

      ทั้งสองก็เริ่มสนิทขึ้นเรื่อยๆจนบางทีก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายหายไปเลย...

       

       

      หลายๆสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งคู่ได้ออกไปเที่ยวตามที่นั้นที่นี่เต็มไปหมด ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆหลังเลิกเรียนหรือแม้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็ตาม บางทีก็มีนัดของกลุ่มเพื่อนๆ

      แต่ทั้งคู่ก็ยังตัดสินใจที่จะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

       

       

       

       

       

      คืนหนึ่ง วันนี้ที่บ้านของนาโอกิไม่มีใครอยู่บ้าน เหลือเพียงทั้งสองที่อยู่ด้วยกัน โคเฮย์อาสาที่จะทำมื้อเย็นให้กับอีกคน

      อีกไม่กี่วันก็จะฤดูหนาวแล้ว แต่นาโอกิยังไม่อยากให้อีกคนจากเขาไปเลย สายตาของเขาจับจ้องไปทางคนตัวขาวที่ตอนนี้กำลังมุ่งมั่นในการทอดทงคตสึ รู้ตัวอีกทีเขาก็เผลอยิ้มเสียดื้อๆ ก่อนจะยกมือเรียวยาวของตัวเองตบลงที่แก้มเบาๆเพื่อเรียกสติกลับมา

      ทงคัตสึชิ้นงามถูกเสิร์ฟมาที่หน้าของเขา กลิ่นหอมที่ทำให้ชวนหิวลอยขึ้นมาเตะจมูกของร่างสูง ก่อนที่จะลงมือกินมันอย่างเอร็ดอร่อย

       

      ไม่นานนักมื้อค่ำก็จบลง นาโอกิถือโอกาสอาสาที่จะเก็บโต๊ะเพราะอีกคนคงเหนื่อยที่ทำอาหารให้ทานแล้ว เสียงน้ำและท่าทางที่ช่ำชองในการล้างจานของเขาทำให้ดึงดูดความสนใจของคนตัวขาวเป็นอย่างมาก

       

      หลังจากที่เสร็จกิจมื้อเย็นทั้งคู่ก็ล็อกบริเวณชั้นล่างของบ้านแล้วขึ้นไปอาบน้ำ นั่งเล่นกันในห้องของนาโอกิ

      "ลุง"

      "ย๊าา!! เรียกลุงอีกแล้วนะ มันทำไมกันวะห้ะ!!"

      "ฮ่าๆๆ ขอโทษครับๆ"

      "แล้วเรียกมีอะไร"

      "พอพ้นสิ้นเดือนนี้ไปเราก็จะไม่ได้เจอกันแล้วสินะ"

      "อืม ก็คงงั้น เพราะพรมันให้ฉันอยู่แค่นั้นนี้นะ"

      "แล้วถ้าขอให้เจอกันอีก จะได้มั้ย..."

      "ไม่รู้สิ"

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      วันสุดท้ายของฤดูมาถึงแล้ว เขารู้ตัวดีว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะเจอกับคนตัวขาว ตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมาเขามีความสุขมากขึ้นจริงๆนั้นแหละ

      ก็คงเป็นเพราะเขาคนนั้น

      วันนี้นาโอกิลงทุนหยุดเรียนเพื่ออยู่บ้านกับอีกคน ใช้เวลาทั้งวันเก็บเกี่ยวรอยยิ้มเอาไว้ให้มากที่สุด ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ความรู้สึกของเด็กหนุ่มคนนี้กลับรู้สึกผูกพันธ์กับอีกฝ่ายมากมาย

       

      และแน่นอนวันไหนที่มีความสุขวันนั้นมักจะจบเร็วเสมอ ไม่นานนักฟ้าที่สว่างก็ได้กลับมามืดอีกครั้ง

      ร่างสูงรู้สึกไม่อยากให้คืนนี้ผ่านไปเลย เขายังไม่พร้อมที่จะเสียอีกคนไป เกมกระดานถูกกางออกอีกครั้ง ทั้งคู่ใช้เวลาในการเล่นเกมกระดานกันโดยปล่อยให้เวลามันเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ

      เวลาผ่านไปเข็มสั้นของนาฬิกาก็ได้วนกลับมาที่เลขสิบสองอีกครั้ง วันใหม่ได้ถูกเริ่มต้นขึ้น แต่คนตรงหน้าก็ยังอยู่ นาโอกิรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่เขายังไม่หายทันที ยังพอมีเวลาให้เขาทำใจอยู่บ้าง

       

      "นาโอกิ ฉันง่วงแล้วล่ะ นอนกันเถอะ"

      "โอเค งั้นฝากนายเก็บกระดานนะ ฉันอยากเข้าห้องน้ำ"

      "ได้เลย"

       

      เขารู้อยู่เต็มอกว่ากลับมายังไงคนตัวขาวก็ไม่อยู่แล้วแน่ๆ สองเท้าก้าวออกห้องนอนมุ่งตรงไปยังห้องน้ำที่เป็นเป้าหมาย

       

      ระหว่างที่กำลังเดินกลับไปยังห้องนอน ก็มีเสียงตัวหมากที่เขาทั้งสองพึ่งเล่นไปเมื่อกี้ถูกกวาดลงกล่องไม้และตามด้วยเสียงเดิน

      สองเท้ารีบสาวเร็วขึ้น ทันทีที่ถึงตรงประตูก็พลักออกอย่างแรงจนคนในห้องสะดุ้ง

      ตอนนี้ภายในหัวของนาโอกินั้นเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ไม่ทันจะได้ถามอะไรเลยคนตัวขาวก็ชวนนอนเสียแล้ว เขาปูที่นอนรออย่างเรียบร้อย

       

      ร่างสูงเดินไปนอนอย่างว่าง่าย ไม่นานนักแสงไฟภายในห้องก็ถูกปิดลง วิสัยทัศน์มีมองเห็นถูกจำกัดมากขึ้น เห็นเพียงกลุ่มดาวที่ส่องผ่านหน้าต่างมา และอยู่ดีๆภาพก็ตัดไป

       

       

      รู้ตัวอีกทีก็เช้าเสียแล้ว เขากวาดสายตามองรอบๆไม่มีคนตัวขาวแล้ว เขาเดินตามหาอีกคนทั่วบ้านทั้งที่ในใจก็รู้ดีว่าอีกคนคงไม่มีตัวตนต่อไปอีกแล้วแต่ก็ยังคงเดินหาให้ทั่ว ก่อนจะทรุดตัวลงที่โซฟาที่ห้องรับแขก

      ของเหลวสีใสไหลออกมาอย่างไร้การควบคุม ความรู้สึกนี้มันเจ็บอกไปหมด

      การที่คนเราจากกันไปแบบที่ไม่ได้ลากันสักคำยังไม่เจ็บเท่าคนที่เราไม่รู้จะไปตามหาเขาได้อีกที่ไหนเสียอีก ความทรงจำของเรายังคงตรึงอยู่ในใจ

       

      ช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมามันดีมากสำหรับเขา

       

      แต่ตอนนี้คงเป็นได้เพียงความทรงจำแล้วล่ะ

       

      ได้เวลาที่ต้องกลับไปใช้ชีวิตปกติของเขาอีกครั้ง

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      'หรือจะย้อนกลับไปยังศาลเจ้านั้นแล้วขอพรอีกครั้ง....'

      'จะได้อยู่มั้ยนะ'

       

       

       

      ...END...

      #เขามาจากพรของผม

      @sunseedxsunflow

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×